โรงเรียนนายสิบทหารบก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงเรียนนายสิบทหารบก
Army Non Commissioned Officer School
ชื่อย่อรร.นส.ทบ. / NCO.RTA
ประเภทสถาบันการศึกษาทางทหาร
สถาปนา23 มิถุนายน พ.ศ. 2510; 56 ปีก่อน (2510-06-23)
สังกัดการศึกษากรมยุทธศึกษาทหารบก
ผู้บัญชาการพลตรี สมพร ด่อนสิงหะ
ที่ตั้ง
เลขที่ 8 ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฎ ถนนเพชรเกษม ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110
สี   สีแดง-เขียว

โรงเรียนนายสิบทหารบก (อังกฤษ: Army Non Commissioned Officer School; ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฏ) (อักษรย่อ: รร.นส.ทบ.) เป็นโรงเรียนหลักที่ผลิตนายทหารชั้นประทวนให้กับกองทัพบก โดยรับสมัครผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่าโดยจะรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน ทหารกองประจำการ ทหารกองหนุน พลอาสาสมัคร (ประจำการ) และอาสาสมัครทหารพราน เข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก หลักสูตร 1 ปี และศึกษาต่อ ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการอีกจำนวน 6 เดือน จึงได้รับการแต่งตั้งยศเป็น"สิบตรี"

โรงเรียนนายสิบทหารบกเดิมตั้งอยู่ภายใน ค่ายธนะรัชต์ หมู่ที่ 3 ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77160 ปัจจุบันได้ย้ายไปที่ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฎ (ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย เดิม) ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประวัติ

เมื่อปี พ.ศ. 2424 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับให้การศึกษาแก่ผู้ที่จะเป็นนายร้อย นายสิบ ขึ้นในกรมมหาดเล็ก โดยโรงเรียนทั้งสองแห่งต่างแยกกันดำเนินการ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่าการแยกกันดำเนินการทำให้ขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน เรียกว่า “โรงเรียนทหารสราญรมย์” และได้ตราข้อบังคับสำหรับโรงเรียนขึ้นเรียกว่า “บัญญัติโรงเรียนทหารสราญรมย์” ข้อบังคับฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิดวิชาชีพทหารขึ้นในสังคมไทย และวางรากฐานทางการทหารไว้อย่างมั่นคงนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนนายสิบ ได้มีการพัฒนาปรับปรุง และปิดอัตรารวมทั้งยุบเลิกหลายครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการทหารของประเทศ ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2510 กองทัพบกได้อนุมัติให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นอีกครั้ง โดยให้ขึ้นการบังคับบัญชาต่อ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายธนะรัชต์ โรงเรียนนายสิบทหารบก จึงยึดถือวันที่ 23 มิ.ย. ของทุกปี เป็นวันสถาปนาของหน่วย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สำหรับการปรับปรุงหลักสูตรนับตั้งแต่การสถาปนาหน่วยขึ้นมานั้นสรุปได้ดังนี้

ปีพ.ศ. 2511 เปิดหลักสูตรการศึกษาของนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 2 ปี โดยศึกษารวมกันที่โรงเรียนนายสิบทหารบก ในชั้นปีที่ 1 และแยกศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ ในชั้นปีที่ 2

ปีพ.ศ. 2525 กองทัพบก ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 1 ปีศึกษาเฉพาะเหล่าทหารราบ สำหรับเหล่าทหารอื่น โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ เป็นผู้ดำเนินการจัดการฝึกศึกษาของแต่ละเหล่าเอง

ปีพ.ศ. 2530 โรงเรียนนายสิบทหารบก ได้รับพระราชทานธงไชยเฉลิมพล เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2530

ปีพ.ศ. 2533 กองทัพบก ได้ปิดการบรรจุกำลังพลโรงเรียนนายสิบทหารบก และแปรสภาพเป็นหน่วยฝึกกำลังพลสำรองกองทัพบก

ปีพ.ศ. 2539 กองทัพบก กำหนดให้เปิดหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารบกอีกครั้ง เป็นหลักสูตร 2 ปี โดยศึกษารวมกันในชั้นปีที่ 1 ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก และแยกศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ ในชั้นปีที่ 2

ต่อมาในปีพ.ศ. 2545 กองทัพบก ได้ปรับปรุงหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 1 ปี โดยศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก 10 เดือน และศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ 2 เดือน

ปีพ.ศ. 2550 ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก ศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 6 เดือน และศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ จำนวน 6 เดือน โดยแบ่งนักเรียนนายสิบ เข้ารับการศึกษา จำนวน 2 ผลัด

ปีพ.ศ. 2559 ได้รับพระราชทานนามค่ายว่า "ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฏ"

ปีพ.ศ. 2562 ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก ศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 1 ปี และศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ จำนวน 6 เดือน โดยเข้าศึกษาพร้อมกันจำนวน 1,980 นาย โดยไม่มีการแบ่งผลัด

การแยกเหล่า

โรงเรียนนายสิบทหารบกมีโรงเรียนเหล่าสายวิทยาการให้นักเรียนเลือกไปศึกษาจำนวน 13 เหล่า ให้นักเรียนเลือกศึกษาโดยจะเรียงตามคะแนนที่ได้จากการเรียน ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก โดยแต่ละปีจะมีโค้วต้าให้ไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปีการศึกษาละ 20 นาย ส่วนนักเรียนที่คะแนนลดลงมานั้นจะมีเหล่าให้เลือกแต่ละผลัด ดังนี้

เหล่าทหารผลัดที่ 1ผลัดที่ 2
ทหารราบมีมี
ทหารม้ามีมี
ทหารปืนใหญ่มีมี
ทหารช่างมีมี
ทหารสื่อสารมีมี
ทหารสรรพาวุธมีมี
ทหารแพทย์มีไม่มี
ทหารขนส่งมีไม่มี
ทหารพลาธิการมีไม่มี
ทหารการข่าวมีไม่มี
ทหารสารวัตรไม่มีมี
ทหารการสัตว์ไม่มีมี
ทหารการเงินมีมี

ปัจจุบันโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก ศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 1 ปี และศึกษา ณ รร.เหล่าสายวิทยาการ จำนวน 6 เดือน *โดยไม่มีการแบ่งผลัด*

สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน​

ดอกจัน ที่มีลักษณะเป็นกลีบ ปลายแหลมเชื่อมติดกันเป็นแฉก ชี้ไปทุกทิศทุกทาง หมายถึงนักเรียนนายสิบที่เมื่อสำเร็จออกไปรับราชการ จะออกไปจากโรงเรียนแยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทางทั่วประเทศ เพื่อไปรับใช้ชาติ และประชาชน ลักษณะกลีบดอก หมายถึงสถาบันโรงเรียนนายสิบทหารบกที่โอบอุ้ม ผลก็คือนักเรียนนายสิบทหารบก มีความหมายเตือนใจ ไม่ให้ลืมตนว่ามาจากใหน และรำลึกถึงเกียรติยศชื่อเสียงของตนเอง รวมถึงสถาบันด้วย ความหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ลักษณะของดอกจันส่วนใหญ่มี 5 แฉกมีลักษณะคล้ายดาวเป็นเครื่องหมายยศของของนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของผู้ที่จบจากสถาบันแห่งนี้

เมื่อปีพ.ศ. 2510 กองทัพบกได้ดำริให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นโดยเป็นหน่วยขึ่นตรงกองทัพบกฝากการบังคับบัญชาไว้กับกรมยุทธศึกษาทหารบกมีที่ตั้งในค่ายธนะรัชต์ โดยอยู่ฝั่งทิศเหนือ และศูนย์การทหารราบที่ย้ายมาจากค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มาเข้าที่ตั้งใหม่ ค่ายธนะรัชต์เช่นกัน โดยอยู่ทางทิศใต้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกองทัพบกที่ต้องการเพิ่มกำลังพล ในการป้องกันภัยคุกคามของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) โดยให้มีขีดความสามารถในการผลิตนักเรียนนายสิบ ปีละ 2,000 นาย โดยมี พ.อ. สนาน คงพันธ์ เป็นผู้บังคับการในพื้นที่โรงเรียนนายสิบแห่งใหม่ ในค่ายธนะรัชต์ก็ยังคงมีต้นจันขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง อยู่ใกล้โรงเลี้ยงด้านเขาฉลักฉลามให้สืบทอดเป็นตำนาน ต่อมาไม่นานต้นจันต้นนี้ก็ถึงกาลตามอายุขัยได้ตายลงไป หลังจากนั้นก็ปิดการบรรจุอัตราการจัดเฉพาะกิจ 4150 แปรสภาพเป็นโรงเรียนการกำลังสำรอง กรมการกำลังสำรอง ในปีพ.ศ. 2533

ในปีพ.ศ. 2539 พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร ผู้บัญชาการทหารบก ได้ดำริให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นสถาบันหลักในการผลิตนายทหารชั้นประทวน เพื่อให้เกิดผลดีแก่กองทัพในการที่มีนายทหารชั้นประทวนที่ถือกำเนิดจากสถาบันเดียวกัน โดยผลิตนักเรียนนายสิบรุ่นที่ 1 ในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. 2540 เพื่อเป็นการสืบสานตำนานดอกจัน และต้นไม้ประจำสถาบัน พ.อ. ศุภฤกษ์ ไม้แก้ว ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับการกรมนักเรียน โรงเรียนนายสิบทหารบก ได้ดำเนินการปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่บริเวณรอบ ๆ สนามกลางของโรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 47 ต้น โดยเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารบก พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยม เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 เป็นประธานในการปลูกต้นจัน ต้นจันที่ปลูกขึ้นมาใหม่กำลังเจริญเติบโตงอกงามให้ผลเหลืองอร่ามสวยงาม มีกลิ่นหอมชื่นใจ โรงเรียนนายสิบทหารบกก็ยังคงเป็นสถาบันที่มีประสิทธิภาพให้ผลผลิตคือนายทหารประทวนที่มีความรู้ความสามารถให้กับกองทัพบกเพื่อชาติ และประชาชนต่อไป

การแบ่งกองร้อย

สัญลักษณ์ประจำกองร้อยนักเรียนนายสิบ ในปี พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้อนุมัติให้เปิดการเรียน การสอนนักเรียนนายสิบขึ้นใหม่ ทั้งนี้ พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร ผู้บัญชาการทหารบก ดำริว่านายทหารประทวนใน กองทัพบก ควรจะมาจากสถาบันเดียวกัน เพื่อจะได้มีความรักใคร่กลมเกลียวมีรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อให้เกิดความรักความสามัคคี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานอันจะเป็นผลดีแก่กองทัพ

ในการเปิดหลักสูตรนักเรียนนายสิบ ในปีพ.ศ. 2540 อันเป็นรุ่นที่ 1 นั้น กองทัพบก ได้มอบหมายให้ กรมยุทธศึกษาทหารบก และ ศูนย์การทหารราบ ดำเนินการเป็นหน่วยรับผิดชอบ ศูนย์การทหารราบให้การสนับสนุนบุคลากร สถานที่ และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกให้การสนับสนุนกำลังพลมาช่วยราชการเพื่อร่วมกันฝึก นักเรียนนายสิบ รุ่นนี้จนกว่าจะมีการอนุมัติ หน่วยที่มีการจัดรูปแบบอัตราการจัดเฉพาะกิจ (อฉก.) 4150 และบรรจุกำลังพลในปีต่อมา นักเรียนนายสิบ รุ่นที่ 1 มีจำนวน 1,009 นาย (กองทัพบก 1,000 นาย และ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน 9 นาย) มีกรมนักเรียนเป็นหน่วยปกครองบังคับบัญชา ประกอบด้วย กองพันนักเรียนนายสิบที่ 2 กองพัน ๆ ละ 4 กองร้อย รวม 8 กองร้อย หนึ่งกองร้อยมีนักเรียนนายสิบ จำนวน 126 – 127 นาย

พล.ท. ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก (จก.ยศ.ทบ.) (ยศในขณะนั้น) ได้ให้นโยบายในการปกครองนักเรียนนายสิบ ว่า ควรจะกำหนดสีประจำหน่วย (กองร้อย) พร้อมทั้งกำหนดสัญลักษณ์ไว้เป็นธงประจำกองร้อย เพื่อให้เป็นที่รวมจิตใจ ดำรงความเป็นหน่วย สร้างความรัก ความสามัคคีให้เกิดขึ้นเป็น ความสามัคคีของกลุ่ม โรงเรียนนายสิบทหารบก จึงได้ดำเนินการจัดทำธงประจำกองร้อยขึ้นมา และกำหนดสัตว์สัญลักษณ์ให้กับกองร้อย นักเรียนนายสิบทั้ง 8 กองร้อย ขึ้น ซึ่งสัตว์ที่กำหนดเป็นสัญลักษณ์ประจำหน่วยดังกล่าว เป็นสัตว์ที่มีลักษณะเด่น เป็นเอกลักษณ์ที่ควรปลูกฝังให้มีในคุณลักษณะทหาร หรือแนวคิดในการต่อสู้ทางยุทธวิธี

ปัจจุบันโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้แบ่งกองพันนักเรียน 3 กองพัน กองร้อยนักเรียน 12 กองร้อย และแต่ละกองร้อยจะมีสัตว์ที่เป็นชื่อเรียกกองร้อยแต่ละกองร้อยดังนี้

กองพันนักเรียนนายสิบที่ 1

  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 1 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 1 (กองร้อยกระทิง)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 2 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 1 (กองร้อยสิงโต)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 3 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 1 (กองร้อยอินทรี)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 4 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 1 (กองร้อยคชสาร)  

กองพันนักเรียนนายสิบที่ 2

  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 1 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 2 (กองร้อยจงอาง)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 2 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 2 (กองร้อยฉลาม)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 3 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 2 (กองร้อยจระเข้)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 4 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 2 (กองร้อยอาชา)  

กองพันนักเรียนนายสิบที่ 3

  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 1 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 3 (กองร้อยเสือโคร่ง)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 2 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 3 (กองร้อยเลียงผา)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 3 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 3 (กองร้อยผึ้งหลวง)  
  • กองร้อยนักเรียนนายสิบที่ 4 กองพันนักเรียนนายสิบที่ 3 (กองร้อยหมูป่า)  

สถานที่ท่องเที่ยว

แหล่งข้อมูลอื่น

0.31757688522339